[Transalated][FIC thorki] The Price We Pay…

[Transalated][FIC thorki] The Price We Pay…

Note :   ย้ายฟิคมาเก็บจาก gloomygirls.exteen.com ค่ะ

 

The Price We Pay…(อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษที่นี่ค่ะ >>http://archiveofourown.org/works/219617)

 

……..โลกิ……….หายสาบสูญ…….

……….

………

……..

ชาวแอสการ์ดลือกันไปทั่วว่า โลกิได้ทรยศต่อพวกพ้องของพวกเขาอีกครั้งโดยหลบหนีไปเข้ากับฝ่ายศัตรู โอดินและธอร์กล่าวประณามเขาต่อเหล่าทวยเทพ ทว่าในความเป็นจริง โลกิไก้ถูกจับตัวไปและทรมานเพื่อเค้นถามข้อมูล แต่เขายังไม่ยอมแพ้และเชื่อมั่นว่าครอบครัวของเขาจะต้องมาช่วยอย่างแน่นอน

………….

……

อีกไม่นานหลังจากนั้น มีข่าวลือเรื่องใหม่ว่า ชาววาเนียร์ จากวานาไฮม์ พบกับใครบางคนจากแอสการ์ดที่สมารถจะช่วยพวกเขา ช่วยให้ปรารถนาของพวกเขาเป็นจริง……ปรารถนาที่จะแก้แค้น…..พวกแอสการ์ด ที่เนรเทศพวกเขาไปยังวานาไฮม์!!!

…..

..

ใครบางคนลอบให้ความช่วยเหลือแก่พวกวาเนียร์ และ โลกิหายตัวไป

……

..

ธอร์มั่นใจว่าเขาไม่เคยเห็นพระบิดาของตนกราดเกรี้ยวถึงเพียงนี้มาก่อน ไม่แม้กระทั่งเมื่อครั้งที่เขาถูกเนรเทศไปยังมิดการ์ด แม้ตั่วเขาเองก็แทบจะไม่เชื่อว่าตนจะโกรธน้องชายต่างสายเลือดได้เช่นกัน แต่หลังจากทุกอย่างผ่านไป หลังจากการทรยศแอสการ์ดครั้งก่อน ทรยศต่อพระบิดา ทรยศต่อเขา เขาไม่คิดเลยว่า โลกิจะขายพวกเขาอีกครั้ง!!

…..

“บัดซบที่สุด โลกิทรยศต่อพวกเรา” โอดินกล่าวอย่างเดือดดาล “เจ้างูพิษที่ข้าชุบเลี้ยง แว้งกัดข้าเสียแล้ว”

…..

โอดินได้ประกาศตัดขาดกับโลกิในวันถัดมา ธอร์ยืนอยู่ข้างเดียวกับบิดาของเขาพร้อมกันนั้นได้สาบานว่าตนจะไม่ถือว่าโลกิเป็นน้องชายและจะสังหารเขาด้วยมือของตนเอง

….

..

มีเพียงฟริกก้าที่ยืนอยู่ข้างโลกิ นางไม่กล่าวอันใดเพียงส่ายหน้าอย่างเศร้าสร้อย

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

 

พวกวาเนียร์ใช้เวทโบราณในการพันธนาการ เวทโบราณที่โลกิคงจะหลงใหล หากมิใช่เพราะตอนนี้เขากำลังอ่อนแอจนคล้ายกับพวกมนุษย์ชาวมิดการ์ด แน่นอนว่าพวกนี้ย่อมจะรู้เช่นกันว่ามีทางลับที่จะไปยังแอสการ์ดโดยไม่ต้องผ่านประตูไบฟอร์ส แต่พวกเขากลับลืมเลือนวิธีใช้งานไปแล้ว…และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาจึงต้องจับตัวโลกิมา

 

“ข้าถามเจ้าว่า โอดินมีกำลังทหารในมือเท่าใด” พวกเวเนียร์ซักถามอย่างรุนแรงก่อนจะตบเข้าที่ใบหน้าของจอมเวทย์แห่งแอสการ์ดด้วยหลังมือจนอีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงรสเค็มปร่าของโลหิต แต่ยังคงไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น

……….พี่ข้า…..ธอร์…..ต้องมาช่วยข้าอย่างแน่นอน

“พวกเราจะเปิดทางไปแอสการ์ดได้ยังไง” เสียงใครบางคนเอ่ยถามก่อนจะโยนร่างบอบบางลงบนพื้นแล้วเตะซ้ำเข้าที่ท้องอย่างไร้ปราณี

 

“ใครคือนายทวารของประตูไบฟอร์ส?” เป็นเสียงของใครอีกคนที่กำลังเหยียบอยู่บนมือของเขาแล้วขยี้ส้นเท้าอย่างทารุณ

 

“จุดอ่อนของพวกแอสการ์ดคืออะไร?” และอีกคนเตะเข้าที่ศีรษะเมื่อเห็นว่าคำถามของพวกเขาถูกเมินเฉยอย่างไม่ไยดี

 

……….เขาอยู่ที่นี่มาอาทิตย์นึงหรือสองหากเขาจำไม่ผิด…….โลกิรำพึงในใจ

 

“หรือพวกเราจะลงโทษมันเบาไป” ประโยคที่ทำให้โลกิอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พวกมันไม่รู้จักความเจ็บปวดเสียด้วยซ้ำ จำได้ว่าสมัยที่ธอร์ฝึกเขาต่อสู้ยังเจ็บกว่านี้เสียอีก พวกมันคิดจริงๆหรือว่าการทรมานเพียงเท่านี้จะทำให้เขาปริปากออกไปได้

“หัวเราะเถิด…เจ้าหนู…หัวเราะเท่าที่เจ้าต้องการ จอมเวทย์ที่ไร้สิ้นซึ่งพลังมีหรือจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกรา” วาเนียร์ตบเข้าที่แก้มที่เปื้อนเลือดนั้นเบาๆ “พวกเราจะได้สิ่งที่เราต้องการในที่สุดแน่นอน”

 

“ไม่มีทาง!!” โลกิถ่มน้ำลายใส่พร้อมทั้งกัดเข้าที่มือหนา

 

“โอ….ดูเหมือนเจ้าม้าที่น่ารักของเราเขาจะยังไม่ค่อยเชื่องซักเท่าใดนะ” วาเนียร์ผู้นั้นลุกขึ้นยืนก่อนหันไปทางคนอื่นๆที่ยืนรออยู่ “คืนนี้ให้พวกทหารมาเล่นกับเขาแล้วกัน…บางที…ผู้ขับขี่ที่แข็งแกร่งอาจจะสามารถปราบพยศเจ้านี่ได้”

 

เปลือกตาบางปิดลงเมื่อมือหยาบเปลื้องอาภรณ์ที่หลงเหลืออยู่

 

                “ท่านพ่อ…ทุกสิ่งที่ข้าทำ…ข้าทำเพื่อแอสการ์ด…….ข้าเป็นบุตรของท่าน….ได้โปรด…อย่าทิ้งลูกเอาไว้….ท่านพี่…ธอร์…..ข้าอิจฉาท่าน….ข้าทำให้ท่านเจ็บ….แต่ข้าก็รักท่าน…….ท่านเคยบอกว่าจะตามหาข้าและพาข้ากลับบ้านไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ไหน…ได้โปรด ตามหาข้าให้พบเถิดท่านพี่”

 

/////////////////////////////////////////////////////

 

 

  ในวันถัดมาพวกเวเนียร์กลับมาอีกครั้งพร้อมกับจอมเวทย์ของพวกมันเพื่อสลักอักขระเวทย์โบราณลงบนผิวกายของเจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ด อักษรรูนที่งดงามและเก่าแก่เทียบเท่ากับตัวตนของพวกมัน ผิวกายสีขาวซีดถูกกรีดอย่างโหดร้าย โลหิตสีแดงสดไหลเปรอะไปทั่วร่างกายที่แสนบอบบางและอ่อนแอ และอักขระเหล่านั้นยังส่งผลให้เจ้าตัวของได้รับทัณฑ์ทรมานประดุจถูกเพลิงเผาผลาญกาย

 

……….แต่โลกิยังคงปิดปากเงียบ………..เขาไม่ยอมตอบคำถามเหล่านั้นแม้เพียงข้อเดียว………

 

เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผล พวกเวเนียร์จึงจับเขาขังไว้ในวงเวทย์ซึ่งส่งผลให้ร่างกายที่ถูกสลักอักษรประหลาดนั้นอ่อนแอลงมากกว่าที่ควรจะเป็น พวกมันให้น้ำแต่ไม่ยินยอมให้อาหาร ความเจ็บปวดและหิวโหยนั้นทำให้เขาแทบไม่อาจประคองสติเอาไว้ พิษไข้กำลังรุมเร้าร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล

 

“จงอย่าได้ดื้อรั้นนักเลย….มันไม่มีอะไรต่อตัวเจ้าสักนิด…….ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก”

 

“ท่านพ่อจะต้องมาแน่นอน…ธอร์เองก็เช่นกัน” ดวงเนตรสีมรกตจ้องบุรุษเบื้องหน้าอย่างชิงชังราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เรียกเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากฝ่ายตรงข้าม

 

“นี่เจ้ายังไม่รู้อีกรึ? ช่างน่าขันนัก โอดินประกาศตัดขาดกับเจ้าแล้ว แอสการ์ดจะไม่ยอมรับเจ้าอีกโลกิ ธอร์เองก็เช่นกัน….เขาสาบานว่าจะสังหารเจ้าด้วยมือของตัวเองให้สมกับโทษทัณฑ์ที่เจ้าทรยศต่อแอสการ์ด เจ้าเหลือแต่เพียงตัวคนเดียวแล้วจอมเวทย์ หึ…”

 

“เจ้าโกหก!!!!” เสียงตวาดแหบแห้งของโลกิสะท้อนดังซ้ำไปมาราวกับจะตอกย้ำว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นแค่เพียงคำลวง

“โกหกหรือไม่ เจ้าเองย่อมเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ? เจ้าแห่งคำลวง” เวเนียร์จ้องมองร่างบางตรงหน้าที่แม้จะสิ้นเรี่ยวแรงแต่ก็ยังออกลายพยศอย่างนึกขัน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี…..ช่างหัวดื้อยิ่งนัก…บุตรแห่งโอดิน…. “จงดูเอาเถิด พวกเขาคิดว่าเจ้ามาที่นี่ด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครสนใจจะมาช่วยเจ้าหรอก….หรือต่อให้เจ้าสามารถหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้…เจ้ายังเหลือที่ใดให้กลับไปอีกงั้นหรือ?”

 

“โกหก” โลกิกล่าวซ้ำอีกครั้งแต่อีกฝ่ายทำเพียงยิ้มบางก่อนจะถอยกลับออกมา

 

                ….เมล็ดพันธุ์แห่งความคลางแคลงได้ถูกหว่านลงแล้ว เหลือที่ต้องทำก็เพียงแค่รอเวลา……….พวกเขานั้นรอโอกาสนี้มาชั่วชีวิต…รอต่อไปอีกสักสองสามอาทิตย์จะเป็นไรไป… 

 

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

 

โอดินประกาศสงครามกับเวเนียร์และวานาไฮม์ในที่สุด เขาเรียกระดมกำลังทั้งหมดเพื่อที่จะโจมตีศัตรูก่อนที่อีกฝ่ายจะบุกมาถึงที่ด้วยความช่วยเหลือจากโลกิ เนื่องเพราะชาวเวเนียร์เป็นนักรบที่แข็งแกร่งเฉกเช่นยักษ์น้ำแข็ง หากแต่ยังชาญฉลาดและกระหายเลือดอีกด้วย

 

แต่เรื่องเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตอของธอร์แม้แต่น้อย…ก่อนจะประกาศศึกเขาแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าศีรษะของโลกิเป็นของเขา มีเขาเท่านั้นที่จะปลิดลงมาได้ ข่าวการทรยศของน้องชายเพียงคนเดียวทำให้ธอร์เจ็บปวดเกินกว่าจะยอมรับได้ หลังจากที่เขานำโลกิกลับมาจากมิดการ์ดเขาอยากจะเชื่อเหลือเกินว่าระหว่างเขาทั้งสองจะกลับมาเป็นแบบเดิมได้อีกครั้ง

 

……….

…..

ปราสาทหลังงามที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบทำให้ธอร์รู้สึกประหลาดใจถึงความโกรธแค้นและมืดดำที่แผ่ออกมาจางๆ ความกังวลฉายชัดในแววตาของเทพสายฟ้า…..หากโลกิอยู่ในนั้นจริง…หวังว่าจะยังไม่มีใครเจอเขาเข้าแล้ว

 

…………..จะอย่างไร………..เขาก็ไม่มีทางที่จะตัดขาดน้องชายแสนดื้อคนนี้ได้ลงคอ….

 

ความคิดนั่นสร้างกำลังใจให้กับธอร์ เขาเดินฝ่าเหล่าทหารที่ปกป้องปราสาท สังหารไม่หยุดมือเพื่อจะไปถึงจุดหมาย …….โลกิอยู่ที่นั่น…….เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน

 

“ท่านแข็งแกร่งมาก…ธอร์ บุตรแห่งโอดิน” เสียงกล่าวอย่างปลอดโปร่งของชายชราซึ่งก้าวเข้ามาขวางทางทำให้ธอร์หยุดชะงักอย่างสงสัย “ท่านมาเพราะน้องชายของท่านใช่หรือไม่?”

 

“โลกิไม่ใช่น้องข้า”

 

“โอ…คำพูดนั้นจะทำร้ายเขาแน่นอน” จอมเวทย์แห่งวานาไฮม์กล่าวอย่างเย้ยหยัน “เขาเชื่อมาตลอดว่าท่านจะต้องมาช่วยเขาแต่ท่านกลับบอกว่าไม่เคยมีน้องคนนั้น ฮ่าๆ….เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว…ไม่มีประโยชน์ที่จะพยามรักษาความลับให้พวกท่านจนถึงที่สุดเลย”

 

ธอร์คว้าแขนชายชรามาตะคอกถามอย่างรุนแรง “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

 

“ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าโลกิอาจไม่ได้ทรยศ?” เขาถามและหัวเราะเมื่อคำตอบนั้นฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเทพหนุ่ม ก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายจับเหวี่ยงลงไปกองบนพื้นแล้วผ่านไปอย่างไม่ไยดี

 

……………โลกิไม่ได้ทรยศ…………

 

ความจริงที่ได้รับรู้นำมาซึ่งความยินดีและกังวล ตอนนี้ธอร์คิดแค่เพียงว่าเขาจะต้องไปช่วยโลกิให้ได้เร็วที่สุด เขาฝ่าการป้องกันที่แน่นหนาจากเหล่านักรบและเวทย์โบราณมาจนถึงจุดหมาย ภาพเบื้องหน้าทำให้เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตา  โลกิที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนนอนอย่างอ่อนแรงอยู่บนพื้น น้องชายของเขานอนอยู่บนพื้นโดยที่มีเพียงเศษผ้าไม่กี่ชิ้นปกคลุมร่างกาย!!! ธอร์ผ่านอะไรมามาก แต่สภาพของน้องชายต่างสายเลือดที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้เขาตระหนักได้ถึงความล้มเหลวของตน และรู้สึกผิดต่อโลกิจนอาเจียนออกมาด้วยความเศร้าใจ ก่อนจะปาดมันทิ้งแล้ววิ่งมาหาน้องชายอย่างร้อนรน

 

กุญแจมือถูกทุบแตกอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของเทพสายฟ้า ที่คุกเข่าลงข้างๆน้องชายเพียงคนเดียวพร้อมทั้งปลดผ้าคลุมลงมาให้กับร่างเล็ก

 

“โลกิ” ธอร์เอ่ยเรียกอย่างนุ่มนวลแล้วสัมผัสแก้มนุ่มอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะสลายไป ร่างบางปรือตาขึ้นมองอย่างลำบาก เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายที่ตนเฝ้ารอมาตลอดจึงเผยอยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน

 

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องมา”โลกิกล่าวอย่างมั่นใจ ท่าทางดีใจของโลกิที่ได้เจอตนนั้นกรีดแทงเข้าไปจนหัวใจของร่างสูงแทบแตกเป็นเสี่ยง “ข้ารู้ว่าพวกมันโกหก ท่านพี่ต้องมาช่วยข้าแน่นอน”

 

“แน่นอนน้องรัก” ธอร์กล่าวแล้วหอมแก้มน้องชายเบาๆ “พี่จะพาเจ้ากลับบ้าน…บ้านของเรา” โลกิปิดตาลงอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มเล็กบนใบหน้า ในขณะที่น้ำตาเอ่อรื้นเต็มดวงตาสีฟ้าคู่สวยของผู้เป็นพี่ ธอร์อุ้มโลกิเอาไว้ในอ้อมแขนแกร่งก่อนจะพาออกไปด้วยกัน

 

โอดินมองทหารของตนซึ่งตายจากไปทีละคน ก่อนจะหันไปเห็นบุตรคนโตที่อุ้มร่างไร้ชีวิตของบุตรคนเล็กออกมา เขารู้สึกเศร้าใจเป็นที่สุดแต่พยามทำใจแข็ง เมื่อทั้งสองใกล้เข้ามาอีกทำให้โอดินสังเกตุได้ว่าบาดแผลบนร่างของโลกิไม่ได้เกิดจากการต่อสู้กับธอร์ อักษรรูนบนผิวของบุตรชายคนเล็กบอกความจริงได้ชัดเสียยิ่งกว่าอะไร

 

“โลกิ..เขา?” โอดินถามบุตรชายด้วยความหวาดกลัวต่อคำตอบที่จะได้รับ

 

“ไม่….ท่านพ่อ…..ข้าคิดว่า บางทีพวกเราต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด……..” ธอร์ไม่สามารถจะพูดต่อได้อีก เขาพยามกลั้นเสียงสะอื้น และโอดินเองก็ไม่เคยเห็นบุตรชายของเขาโสกเศร้าและทุกข์ทรมานขนาดนี้มาก่อน

“พวกเราผิดแล้ว…” โอดินกล่าวช้าๆเมื่อตระหนักถึงความผิดพลาดอันน่าสะพรึงกลัว ธอร์ผงกศีรษะรับอย่างเงียบงันพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

 

////////////////////////////////////////////////////////////

การรักษาภายในห้องโอสถที่เงียบสงบสะกิดความรู้สึกผิดในใจของบุตรแห่งโอดินยิ่งนัก บาดแผลมากมายตามร่างกายของโลกิถูกรักษาอย่างง่ายดาย ในขณะที่อักขระเวทย์ที่สลักลงบนผิวขาวเนียนกลับแตกต่างแล้วเพราะมันจำต้องรักษาด้วยการอาบด้วยน้ำจากผลแอปเปิ้ลสีทอง ธอร์รู้สึกสับสนที่จะให้ผู้ใดมาสัมผัส หรือจ้องมองร่างกายของโลกิ เขาจึงตัดสินรักษาน้องชายต่างสายเลือดผู้นี้ด้วยมือของตนเอง

มือสากอย่างนักรบถูกไล้วาดไปตามผิวกายของอีกฝ่ายเพื่อรักษา……..เชื่องช้า……และระมัดระวัง……ราวกับกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บ จากนั้นจึงผันแผลให้อย่างเบามือ

 

โอดินย้อนกลับมาอีกครั้ง เขาทรุดตัวลงนั่งบริเวณข้างเตียงของโลกิและหยิบมือเรียวนั้นมากุมไว้เป็นเวลานานด้วยความเสียใจและสำนึกผิดต่อบุตรชายคนเล็ก ความผิดที่ธอร์เองก็เข้าใจ พวกเขาทั้งคู่ไม่ควรตัดสินโลกิอย่างหุนหันพลันแล่น เขาเห็นกับตาตัวเองว่าที่ปราสาทนั้นโลกิถูกทรมานเช่นไร และทั้งที่เป็นเช่นนั้น โลกิกลับไม่ยอมปริปากตอบคำถามใดๆที่อาจจะหวนมาทำร้ายพวกเขา

 

ความจงรักภักดีและความเชื่อมั่นที่โลกิมีต่อแอสการ์ดเขาจะตอบแทนได้อย่างไร?

 

ธอร์เจ็บปวดยิ่งนักในยามที่ตระหนักถึงความจริงที่ว่าแม้โลกิจะมีจิตริษยาในตัวเขาและสร้างความพินาศไปทั่ว แต่ทุกอย่างที่โลกิทำ เขาเลือกทำในสิ่งที่คิดแล้วว่ามันดีสำหรับแอสการ์ด

 

ฟริกก้าใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับโลกิ ป้อนซุป กล่อมเข้านอน คอยปลอบแล้วลูบหัวยามที่บุตรชายคนเล็กของนางฝันร้ายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนกระทั่งหลับ

 

ธอร์ซาบซึ้งกับการกระทำเหล่านั้น เขาและพระบิดาหลีกเลี่ยงที่จะไม่สนทนากับโลกิให้มากนัก เพื่อที่เรื่องราวจะได้ลงเอยด้วยดี โลกิอาจจะไม่ใช่นักโกหกที่ดี แต่ก็เป็นคนที่จับเท็จได้แบบน้อยครั้งจะผิดพลาด

ธอร์และโอดินประกาศยกเลิกคำสาบานทั้งหมด และบอกความจริงทั้งหมดกับชาวแอสการ์ด แต่ความเสียหายก็เกิดขึ้นแล้ว และโลกิก็จะต้องรู้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

///////////////////////////////////////////////////////////////////////

 

“อาการเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง น้องข้า” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล อักษรเวทจางหายไปแล้ว และโลกิก็เริ่มแข็งแรงมากพอที่จะลุกขึ้นมาเดินเป็นระยะเวลาสั้นๆได้แล้ว  ธอร์ ฟริกก้า และโอดินรู้ดีว่าโลกิจะไม่ยอมฟังคำแนะนำใดๆเมื่อเขาคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่า ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจจนกว่าโลกิจะหายดีพวกเขาจึงผลัดเปลี่ยนกันมาคอยอยู่เป็นเพื่อน

“ข้าสบายดี ไม่จำเป็นต้องให้พวกท่านมาคอยดูแลเสียหน่อย ” โลกิบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่กระนั้นร่างกายของเขาก็ยังคงผอมจนผิดปกติอยู่ดี

 

“ข้าไม่ทำแน่ น้องรัก หากเจ้าไม่ต้องการมัน” ธอร์คลี่ยิ้มเจิดจ้าให้อีกฝ่ายในขณะที่ความรู้สึกผิดและกระวนกระวายกำลังสุมทรมานเขาอยู่ภายใน

 

………….เขาไม่สมควรได้รับมัน…………..ทั้งหมดนี่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับโลกิ…………….

 

โลกิเดินไปที่ริมหน้าต่าง และธอร์ก็ตามไปอย่างใกล้ชิดเพื่อคอยระวังไม่ให้อีกฝ่ายที่เดินแบบไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงสะดุดล้ม

 

“เจ้ารู้ ตอนที่ข้าถูกจับเป็นนักโทษอยู่ที่นั่น” โลกิเปรยขึ้นแล้วมองไกลออกไปยังภายนอกหน้าต่าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องที่โดนคุมขังกับธอร์ “พวกมันพยามจะทำให้ข้าเชื่อว่าเจ้าและท่านพ่อจะไม่มาช่วยข้า…พยามจะบอกข้าว่าพวกเจ้าตัดสัมพันธ์และตราหน้าข้าว่าเป็นผู้ทรยศ” เสียงกล่าวนั้นแผ่วลง เรียวปากบางเม้มแน่น ก่อนจะหลับตาลง ช่วงเวลาเหล่านั้นยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ …………..เขารู้สึกดี ยามที่พี่ชายเดินเข้ามาใกล้และสวมกอดเอาไว้

………..พี่ชาย อยู่ที่นี่……..เพราะท่านข้าจึงไร้สิ้นซึ่งความหวาดกลัว………..

 

“และข้า….คิดว่าท่านคงจะไม่มาเสียแล้ว”

 

………ท่านรู้หรือไม่ ว่าข้าเกลียดความรู้สึกที่สับสนในยามนั้นเพียงไร…..หากแต่คำมั่นสัญญาในวันนั้นที่ท่านพาข้ากลับมาจากมิดการ์ด……..

 

“แต่ข้า……ยังคงจำได้ดี….ในวันที่ท่านสวมกอดข้าเมื่อยามหาข้าพบที่มิดการ์ด ท่านบอกกับข้าว่า ท่านจะตามหาข้าไปตลอดกาล” ร่างผอมบางหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย “และนั่น…คือพลังที่ทำให้ข้าไม่ยอมแพ้แก่พวกมัน”  หลังจากนั้นเขาก็ถูกธอร์เข้าสู่อ้อมแขนแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

…….ข้าไม่เข้าใจเลย….พี่ข้า……ไยท่านจึงต้องร่ำไห้เช่นนั้น?…..ข้าเพียงหวัง…ว่าคำสารภาพของข้า……..จะช่วยลบใบหน้าที่รู้สึกผิดและเศร้าเสียใจของท่านได้…..สีหน้านั้น ที่ท่านแสดงมันมาตลอดตั้งแต่ช่วยชีวิตข้ามาจากวานาไฮม์………

 

THE END

 

 

6 thoughts on “[Transalated][FIC thorki] The Price We Pay…

  1. อ่านแล้วน้ำตา me จิไหลลลล //ไม่จะอ่ะ ไหลแบ้วววว TT_TT
    ชอบมว๊ากกก อ่านซ้ำกี่ทีก็จะร้องไห้ให้ได้ตลอดเบยยย

ใส่ความเห็น